การสอบใบขับขี่แบบใหม่ปี ๒๕๕๕
ทุกวันนี้ต้องใช้เวลาสอบใบขับขี่ ๒ วัน คือ ปรับเป็นอบรม ๔ ชั่วโมง เป็นนโยบายใหม่เหมือนกันทุกที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ผู้ขอต่ออายุ ใบอนุญาตขับรถ และผู้ขอรับบัตรประจำตัวคนขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ฉบับลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยให้เพิ่มระยะเวลาการอบรมผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว รถบดถนน รถแทรกเตอร์และรถใช้งานเกษตรกรรม จาก ซึ่งจะมีการอบรมตามหลักสูตรในวิชา ประกอบด้วย
๑. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยทางหลวง และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
๒. การขับรถอย่างปลอดภัย
๓. มารยาทในการขับรถ
โดยได้กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการดำเนินการใหม่ จาก ๑ วันทำการ เป็น ๒ วันทำการ ดังนี้
-วันแรกยื่นเอกสาร ๐๘.๓๐ น. อบรม ๒ ชั่วโมง (เรื่องทั่วไป)
๑. ทดสอบสายตาโดยกรรมการจะกดปุ่มป้ายไฟจราจร(เหมือนป้ายจริงตามถนน) แล้วให้เราตอบสีหลอดไฟที่สว่างเสร็จ
๒. ทดสอบสายตาวัดลานตา โดยกรรมการจะกดปุ้มแล้วจะมี สีแดง เหลือง เขียว ที่หางตา แต่ห้ามเลือบมอง โดยให้บอก สีไฟทั้งสองด้านของตา เช่น เหลือง-เหลือง, แดง-เหลือง
๓. ทดสอบประสาทสัมผัสเท้า โดยการให้เหยียบคันเร่ง ตู้ทดสอบจะขึ้นไฟเขียว จากนั้นเมื่อเกิดไฟแดงก็ให้เหยียบเบรก
๔. ทดสอบการคาดคะเน การกะของสายตา โดยจะปุ้มให้กด สีแดงเดินหน้า สีเขียวถอยหลัง ให้กะให้เท่ากับสัญลักษณ์ที่กรรมกรรมทำไว้ โดยห้ามห่างกว่า ๑ นิ้ว
การทดสอบทั้งหมด ทำผ่าน ๒ ใน
-วันที่สอง ๐๘.๐๐ น. อบรม ๒ ชั่วโมง ๑๐.๐๐ น.เข้าสอบข้อเขียนระบบ E-EXAM ๓๐ ข้อ ถ้าผ่านไปพักกินข้าวได้เลย ๑๓.๐๐ น.ทดสอบท่าขับขี่ ๓ ท่า
๑.เดินหน้าถอยแล้วหลังออกจากซองทางยาว
๒.เดินหน้าเข้าจอดในซอง ล้อหลังต้องพอดีกับเส้นเหลืองด้านหน้าต้องไมชนสิ่งกีดขวาง จากนั้นถอยหลังออกมาตามปกติ �
๓.เดินหน้าเทียบฟุตบาทโดยล้อหน้าและหลังต้องเหยียบเส้นเหลืองและล้อหน้าต้องไม่เกินไม่ขาดจากเส้นระยะให้หยุด
-วันแรกยื่นเอกสาร ๐๘.๓๐ น. อบรม ๒ ชั่วโมง (เรื่องทั่วไป)
๑. ทดสอบสายตาโดยกรรมการจะกดปุ่มป้ายไฟจราจร(เหมือนป้ายจริงตามถนน) แล้วให้เราตอบสีหลอดไฟที่สว่างเสร็จ
๒. ทดสอบสายตาวัดลานตา โดยกรรมการจะกดปุ้มแล้วจะมี สีแดง เหลือง เขียว ที่หางตา แต่ห้ามเลือบมอง โดยให้บอก สีไฟทั้งสองด้านของตา เช่น เหลือง-เหลือง, แดง-เหลือง
๓. ทดสอบประสาทสัมผัสเท้า โดยการให้เหยียบคันเร่ง ตู้ทดสอบจะขึ้นไฟเขียว จากนั้นเมื่อเกิดไฟแดงก็ให้เหยียบเบรก
๔. ทดสอบการคาดคะเน การกะของสายตา โดยจะปุ้มให้กด สีแดงเดินหน้า สีเขียวถอยหลัง ให้กะให้เท่ากับสัญลักษณ์ที่กรรมกรรมทำไว้ โดยห้ามห่างกว่า ๑ นิ้ว
การทดสอบทั้งหมด ทำผ่าน ๒ ใน
-วันที่สอง ๐๘.๐๐ น. อบรม ๒ ชั่วโมง ๑๐.๐๐ น.เข้าสอบข้อเขียนระบบ E-EXAM ๓๐ ข้อ ถ้าผ่านไปพักกินข้าวได้เลย ๑๓.๐๐ น.ทดสอบท่าขับขี่ ๓ ท่า
๑.เดินหน้าถอยแล้วหลังออกจากซองทางยาว
๒.เดินหน้าเข้าจอดในซอง ล้อหลังต้องพอดีกับเส้นเหลืองด้านหน้าต้องไมชนสิ่งกีดขวาง จากนั้นถอยหลังออกมาตามปกติ �
๓.เดินหน้าเทียบฟุตบาทโดยล้อหน้าและหลังต้องเหยียบเส้นเหลืองและล้อหน้าต้องไม่เกินไม่ขาดจากเส้นระยะให้หยุด
เอกสารที่ต้องนำมายื่นประกอบคำขอ ประกอบด้วย
๑ . บัตรประจำตัวประชาชนพร้อมสำเนา
๒. ใบรับรองแพทย์ (ออกก่อนยื่นคำขอไม่เกิน ๑ เดือน)
ค่าธรรมเนียมการขอรับใบอนุญาตขับรถ กรณี ทำใหม่
- ค่าคำขอ ฉบับละ ๕ บาท
- ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ฉบับละ ๕๐ บาท
- ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ฉบับละ ๑๐๐ บาท
- ค่าบริการถ่ายรูป แบบพลาสติก (สมาร์ทการ์ด) ฉบับละ ๑๐๐ บาท
คุณสมบัติ |
ผู้สอบจะต้องรู้ท่าสอบปฎิบัติ และอ่านคู่มือสอบใบขับขี่เพื่อเตรียมตัวสอบข้อเขียน เรามาดูกันว่าคุณสมบัติของผู้สอบใบอนุญาต และหลักฐานที่จะต้องเตรียมมีอะไรบ้าง ?๑. ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปี ๒. มีความรู้ความสามารถในการขับรถ ๓. มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถ ๔. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถบังคับรถได้ ๕. ไม่มีโรคประจำตัวที่เห็นได้ว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ ๖. ไม่เป็นบุคคลทุจริตหรือจิตฟั่นเฟือน ๗. ไม่มีใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว ๘. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถหมายเหตุ สำหรับผู้ที่มีร่างกายพิการ ดังต่อไปนี้ เมื่อต้องการมีใบอนุญาตขับขี่ รถยนต์ จักรยานยนต์ ต้องขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ขนส่งฯ ก่อน จึงจะทำได้ - แขนขาดข้างเดียว - ขาขาดข้างเดียว - ตาบอดข้างเดียว - ลำตัวพิการ - หูหนวก |
อ้างอิง
http://www.dlt.go.th
http://www.drivingdd.com